วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

Crayon Shin-chan




Crayon Shin-chan












               

ชินจังจอมแก่น (ญี่ปุ่นクレヨンしんちゃん Kureyon Shinchan ?) (อังกฤษCrayon Shin-chan) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่องและภาพโดยโยชิโตะ อุสึอิ ตีพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นโดยสำนักพิมพ์ Futabasha ในประเทศไทยตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ และได้รับการสร้างเป็นแอนิเมชัน ในปีพ.ศ. 2535
ชินจังจอมแก่น เป็นการ์ตูนแนวตลกขบขันเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ชินจังเป็นการ์ตูนที่มีลายเส้นง่ายๆ เป็นการ์ตูนยอดฮิตทุกประเท
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับชินจัง (โนะฮาร่า ชิโนสึเกะ; Nohara Shinosuke) เด็กอนุบาลวัย 5 ขวบสุดแก่น มีนิสัยคล้ายคลึงกับพ่อ (ฮิโรชิ) เช่น ชอบผู้หญิงหุ่นดีหน้าตาดี และยังชอบอาบน้ำกับพ่อมาก . แม่ของชินจัง (มิซาเอะ) มีนิสัยขี้เหนียวและขี้อ่อนแอ แต่โมโหง่ายและน่ากลัว.ชินจังมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อฮิมาวาริ. ครอบครัวของชินจังเลี้ยงหมาหนึ่งตัว ชื่อเจ้าขาว (ชิโร่). เพื่อน ๆ ของชินจังที่พบในเรื่องบ่อย ๆ คือ คาซาม่าคุง, เนเน่จัง, มาซาโอะคุง, และ โบจัง ชินจังมักมีท่าแปลกๆ เช่น ท่ามนุษย์ต่างดาวนู้ดครึ่งก้น ท่าที่เอากางเกงในมาครอบหัว โดยทำเหมือนกับว่ามันเป็นหน้ากาก ชินจังชอบดูการ์ตูนหน้ากากแอ็คชั่น เป็นคนที่ชื่นชอบ และชื่นชมในตัวหน้ากากแอ็คชั่นมาก การละเล่นของชินจังที่โรงเรียนคือ เล่นเป็นยุง เล่นเป็นอึ เล่นซ่อนแอบแบบไม่มีคนหา เล่นแกล้งตายบนหิมะ เล่นพ่อ แม่ ลูก (เมื่อถูกเนเน่จังบังคับ) สูง105.9 หนัก22.8

ตัวละครหลัก

  • โนะฮาร่า ชินโนซึเกะ (อายุ 5 ปี) ตัวละครเอกของเรื่อง มีนิสัยเจ้าชู้ แก่แดด กะล่อน ชื่นชอบสาวสวยหุ่นดีคล้ายฮิโรชิ หาเรื่องป่วนได้ทุกเวลา มีปัญหาเรื่องออกเสียงและการใช้ภาษาอย่างผิดหลักไวยากรณ์ กระนั้นก็ยังพูดจาฉะฉาน ใช้คำพูดเกินเด็ก แทงใจดำคน ปากอ่อน อ่านใจคนเก่งมาก (ดังพบเห็นได้จากการไปห้างสรรพสินค้า ที่มักจะรู้เล่ห์กลของพนักงานขาย) แต่แท้จริงแล้วเป็นคนที่รักครอบครัวและคนรอบข้างอยู่ ที่สำคัญกว่านั้นสิ่งที่ไม่มีใครพูดถึง คือ ความมีน้ำใจของชินจัง มีความเฉลียวฉลาด กล้าหาญ คิดดีทำดี และสุดท้ายเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่นแถมยังชอบช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนด้วย (ความสามารถพิเศษของชินจังคือ มีปฏิกิริยาตอบโต้กับสาวสวยรวดเร็ว ลอกเลียนแบบเก่ง ทำเครื่องแต่งกายเก่ง และเต้นเก่ง)
  • โนะฮาร่า ฮิมาวาริ (วัยคลาน) น้องสาวของชินโนซึเกะ มีนิสัยคล้ายมิซาเอะ ชื่นชอบเครื่องประดับและดาราหนุ่มหล่อ ชื่อของฮิมาวาริมาจากการเลือกชื่อโดยการใช้เครื่องบินกระดาษ โดยคำว่า ฮิมาวาริ มาจากชื่อห้องเรียนที่ชินโนซึเกะเรียนอยู่ (ฮิมาวาริ แปลว่า ดอกทานตะวัน)
  • โนะฮาร่า มิซาเอะ (อายุ 29 ปี) แม่ของชินโนซึเกะ ชอบใส่กางเกงในสีใส ขนหน้าแข้งดก ท้องลาย พละกำลังเยอะ ก้นเบอะ ทำให้ถูกชินโนะซึเกะนำไปล้อเสมอ นอกจากนั้นยังมีเรื่องอับอายขายหน้าเพื่อนบ้านจากการเล่นกับชินจังอยู่บ่อยๆ ในการลงโทษชินโนะซึเกะนั้นมีทั้งเบาและหนักเช่น เขกหัว ปั่นหัว (หรือปั่นนรก) หยิกแก้ม หยิกหู แต่ที่หนักที่หนักที่สุดคือ ตีก้น10ทีรวด
  • โนะฮาร่า ฮิโรชิ (อายุ 35 ปี) พ่อของชินโนซึเกะ มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัท แอบเจ้าชู้และชอบกินเบียร์ เลี้ยงดูชินโนซึเกะแบบเพื่อน บางครั้งถูกชินโนะซึเกะแกล้งจนเข้าใจผิดว่านอกใจหลายตอน
  • เจ้าขาว (ชีโร่) สุนัข(น่าจะเป็นพันธุ์พุดเดิล)ที่ถูกทิ้ง ซึ่งชินจังนำมาเลี้ยง แต่มักจะไม่ได้รับการเอาใจใส่จากชินจังเท่าที่ควร มีนิสัยชอบเก๊กหล่อเมื่อสุนัขตัวเมียเดินผ่าน มีอยู่ตอนหนึ่ง มิซาเอะขายเจ้าขาวไปแต่ก็มาอยู่กันอีกครั้ง มีแฟนชื่อเมงุ
  • ซากุราดะ เนเน่ มีชื่อเล่นว่า เนเน่จัง เป็นเด็กสาวในกลุ่มของชินโนซึเกะ มีนิสัยขี้โมโห แต่ซ่อนไว้โดยการทำนิสัยน่ารัก ชอบเล่นพ่อแม่ลูกเป็นชีวิตจิตใจ เนเน่จังจะต่อยตุ๊กตากระต่ายตัวเล็กเป็นการระบายอารมณ์ ซึ่งเลียนแบบมาจากคุณแม่ของเนเน่จังนั่นเอง
  • โทโอรุ คาซาม่า มีชื่อเล่นว่า คาซาม่าคุง เป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ยุ่งอยู่กับธุรกิจ จึงต้องอยู่ที่แมนชั่น จึงทำให้คาซาม่าคุง มีนิสัยขี้โอ่ ชอบอวดร่ำอวดรวยในบางครั้ง และยังติดแม่มาก แต่เป็นเด็กเรียนดีของห้อง เพราะเรียนพิเศษ มักถูกชินโนซึเกะแซวเล่นและคอยปั่นป่วนตลอดเวลา เลยทำให้ไม่กล้าเปิดเผยความชอบส่วนตัวสักเท่าไหร่ (เช่นชอบการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ โมเอะ-P) เกรงจะถูกชินโนซึเกะเอาไปล้อ จริง ๆ แล้วเป็นเพื่อนที่สนิทกับชินจังมาก ชอบแต่งคอสเพลย์เนตัวละครหญิง
  • ซาโต้ มาซาโอะ มีชื่อเล่นว่า มาซาโอะคุง เป็นเด็กผมโล้น มีนิสัยขี้ระแวง ขี้แย อ่อนแอ ถูกหลอกง่ายจึงมักถูกเพื่อนๆลากไปสร้างวีรกรรมเสมอๆ มักถูกเด็กประถมรังแกบ่อยครั้ง มีฉายาว่า หัวข้าวปั้น หลงรักไอย์จังอย่างโงหัวไม่ขึ้น (แสดงให้เห็นถึงเรตผู้ชม)
  • โบจัง เป็นเด็กที่พูดน้อยและตัวสูงที่สุดในกลุ่ม ลักษณะเด่นคือ มีน้ำมูกไหลย้อยตลอดเวลาและพูดแค่คำว่า "โบ" มีความลับอยู่ในเรื่องครอบครัว เพราะไม่ปรากฏพ่อแม่โบจังเลย (มีตอนที่กลุ่มชินจังพยายามตามสืบหาพ่อแม่ของโบจัง แต่ไม่สำเร็จ) มีความเก่งด้านศิลปะเชิงนามธรรม ได่รับรางวัลประกวดวาดภาพหลายครั้ง เช่น หัวใจของอีกา ชอบสะสมหินรูปร่างแปลกๆ
  • ซึโอโตเมะ ไอย์ มีชื่อเล่นว่า ไอย์จัง เป็นคุณหนูลูกเศรษฐี เป็นทั้งเพื่อนและคู่กัดของเนเน่จัง (แต่ปัจจุบันเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว) ปรากฏตัวในหนังสือการ์ตูนเล่มที่ 16 มักจะชอบพูดจาเกี่ยวกับเรื่องฐานะ ซึ่งทำให้มีปัญหากับเนเน่จังอยู่บ่อยครั้ง หลงรักชินโนะซึเกะมาก แต่เจ้าตัวไม่สนใจ มีความสามารถพิเศษในการจัดงานต่างๆ (โดยใช้บอดี้การ์ด) และทำให้เด็กผู้ชายคนอื่นๆตกหลุมรักได้ (ยกเว้นชินจัง) แต่ในเล่ม24เกลียดชินจังเพราะคำว่า "วุ่นวาย" คำเดียว





Dragon Ball



                        Dragon Ball












ดราก้อนบอล (ญี่ปุ่นドラゴンボール Doragon Bōru ทับศัพท์จาก Dragon Ball ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของโทริยามา อากิระ ลงพิมพ์ในนิตยสารโชเนนจัมป์ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2538 และรวมเป็นฉบับรวมเล่มได้ 42 เล่ม ในประเทศไทยเคยลงตีพิมพ์ใน ทาเล้นท์ และ ซีโร่ ในช่วงก่อนที่มีลิขสิทธิ์การ์ตูน และหลังจากนั้นได้ตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนบูม ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด
เนื้อเรื่องของดราก้อนบอลเกี่ยวกับการผจญภัยของ ซุน โกคู ในการรวบรวมดราก้อนบอลให้ครบ 7 ลูก เพื่อขอพรหนึ่งข้อจากเทพเจ้ามังกร โดยระหว่างการเดินทางโกคูต้องพบกับเพื่อนฝูงและอุปสรรคต่างๆ
ลักษณะการดำเนินเรื่องช่วงแรก น่าจะเอามาจากเรื่องไซอิ๋ว ซึ่งกำหนดให้ซุนโกคู มีชื่อเดียวกับซุนหงอคง ให้มีปิศาจหมู อูลอน ลักษณะคล้าย ตือโป้ยก่าย
ดราก้อนบอลมีสร้างมาหลายภาคทั้งในฉบับมังงะและอะนิเมะ และยังมีการนำไปทำเป็นวิดีโอเกมหลายภาค และภาพยนตร์ ดราก้อนบอล นำแสดงโดย จัสติน แชตวินเอ็มมี รอสซัม และ โจว เหวินฟะ
และในปี พ.ศ. 2552 ดราก้อนบอล ได้ถูกนำมาสร้างใหม่ขึ้นอีกครั้งในชื่อว่า ดราก้อนบอล ไค โดยจะนำเนื้อหาของภาค ดราก้อนบอล Z มาสร้างใหม่ในระบบ High Definition Television (โทรทัศน์ความละเอียดสูง) เนื้อหาจะถูกตัดต่อใหม่ ให้กระชับฉับไวขึ้น เสียงประกอบ และ ดนตรี จะแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมดให้เหมาะกับยุคนี้ แต่ยังคงใช้นักพากย์เดิม และจะเริ่มออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 09.00 น. (ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น) ทางช่อง ฟูจิทีวี
ฉบับหนังสือการ์ตูนนั้น ได้ใช้ชื่อ ดราก้อนบอล ตลอดทั้งเรื่อง แต่ฉบับภาพยนตร์การ์ตูนได้ใช้ชื่อแตกต่างกันดังนี้
  • ดราก้อนบอล (ภาคแรก) (Dragon Ball) ดำเนินเรื่องตามฉบับหนังสือการ์ตูน นับตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงการแต่งงานของโกคู
  • ดราก้อนบอล Z (Dragon Ball Z) ดำเนินเรื่องตามฉบับหนังสือการ์ตูนต่อจนจบเล่ม 42 ในภาคจอมมารบู สำหรับภาคแอนิเมชั่น ดราก้อนบอล Z ได้ถูกแบ่ง ออกเป็น 16 sagas
1. Saiyan Saga การต่อสู้กับชาวไซย่า
2. Namek Saga ตามหา ดราก้อนบอลของชาวนาเม็ก เพื่อชุบชีวิตให้กับพิคโคโล่ หยำฉา เท็นชินฮัง และเจาสึ
3. Ginyu Saga ช่วงที่หน่วยรบพิเศษกินิว ปรากฏตัว
4. Freeza Saga การต่อสู้สุดมัน กับเจ้าแห่งจักรวาลอย่าง ฟรีสเซอร์
5. Garlic Junior Saga การต่อสู้กับ Garlic Junior ปรากฏตัวครั้งแรกใน Dragonball Z The Movie 1 : The Dead Zone แต่ใน แอนิเมชัน มาในช่วงที่ โกคู ยังไม่กลับจากการต่อสู้กับฟรีสเซอร์ และ โกฮังเป็นคนส่ง Garlic Junior กลับไปยัง Dead Zone
6. Trunk Saga หนุ่มที่มาจากอนาคต เป็นลูกชายของ เบจิต้า และ บลูม่า มาเพื่อแจ้งข่าวเรื่อง มนุษย์ดัดแปลง แก่พวก โกคู
7. Android Saga มนุษย์ดัดแปลง ออกอาละวาดโลกมนุษย์ เพื่อที่ต้องการ ฆ่า ซุน โกคู ตามคำสั่งของ ดร.เกโร่ (หมายเลข 20) มีทั้งหมด 5 ตัว หมายเลข 16 17 18 19 20
8. Imperfect Cell Saga มนุษย์ดัดแปลงหมายเลข 21 หรือ เรียกอีกชื่อว่า เซลล์ เซลล์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างโดยคอมพิวเตอร์ของ ดร.เกโร่ เพื่อฆ่า ซุน โกคู เซลล์จะมีร่างสมบูรณ์ได้นั้น ต้องดูดกลืน หมายเลข 17 และ 18
9. Perfect Cell Saga ร่างสมบูรณ์ของเซลล์ ได้เสร็จสมบูรณ์จนไม่อาจมีใครต้านทานได้ (เบจิต้า กับ ทรังคซ์)
10.Cell Games Saga เป็นสมัยที่เป็นจุดจบของเซลล์ โดยมี ซุน โกฮัง เป็นผู้ทำลาย
11.Great Saiyan Man Saga โกฮัง ได้เข้า ร.ร. ที่เมือง ซาตาน ซิตี้ และเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรม ภายใต้นามว่า เกรท ไซย่า แมน
12.World Tournament Saga เป็นสมัยที่ โกคู ซึ่งตายในสมัย Cell Games Saga ได้กลับลงมายังโลกมนุษย์ 1 วัน เพื่อมาประลองศึกชิงเจ้ายุทธภพ
13.Babidi Saga พ่อมดลูกชายของพ่อมดบิบิดี้ ผู้สร้างจอมมารบู มีสมุนเอกชื่อ ดาบูร่า บาบีดี้ ต้องการ ปลดผนึก จอมมารบู เพื่อทำลายโลก
14.Majin Buu Saga จอมมารบูได้ออกจากไข่ผนึก เพราะการต่อสู้ของ โกคู กับ เบจิต้า ในระดับพลังที่เหนือกว่า ซุเปอร์ไซย่า
15.Fusion Saga สมัยที่เกิดการรวมร่าง ให้กำเนิดยอดนักรบ เพื่อปราบจอมมารบู มี 2 คน 1.Gotenks หรือ โกเท็นคูส เกิดจากการ ฟิวชั่นระหว่าง โกเท็น กับ ทรังคซ์ 2. Vegeto หรือ เบจีโต้ เกิดจากการ ใส่ต่างหู โปตาร่า ระหว่าง โกคู กับ เบจิต้า
16.Kid Buu Saga เป็นสมัยสุดท้ายของดราก้อนบอล z สมัยนี้เป็นการต่อสู้กับ จอมมารบู ตัวแรกสุดที่พ่อมดบิบิดี้ เป็นคนสร้าง และก็พระเอกของเรา ซุน โกคู เป็นผู้ปราบในที่สุด สถานที่ต่อสู้คือ ดาวมหาเทพ - Supreme Kai's Planetดราก้อนบอล GT (Dragon Ball GT) ดำเนินเรื่องต่อจากภาค Z แต่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาสำหรับแอนิเมชันโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวข้องกับฉบับหนังสือการ์ตูน






pooh



                                 pooh







หมีพูห์ หรือ วินนี-เดอะ-พูห์ ( Winnie-the-Pooh) เป็นตัวละครหมีที่สร้างขึ้นโดย เอ. เอ. มิลน์ และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคมค.ศ. 1926 ในหนังสือเรื่อง วินนี-เดอะ-พูห์ และ
 เดอะเฮาส์แอตพูห์คอร์เนอร์ (1928)  

  เนื้อเรื่องในหนังสือมีลักษณะคล้ายกับ ป่าแอชดาวน์ ในเมือง อีสต์ซัซเซก ในประเทศอังกฤษ โดยชื่อ วินนี มาจากชื่อตุ๊กตาหมีของทหารชาวแคนาดานายหนึ่ง ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง วินนีเพก ในประเทศแคนาดา 

  นอกจากหมีพูห์แล้วเพื่อนในป่าที่ได้รับความนิยมได้แก่ พิกเลต ทิกเกอร์ และ อียอร์ 
ต่อมา วอลต์ดิสนีย์ ได้นำวินนี-เดอะ-พูห์ มาจัดทำและได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Winnie the Pooh (โดยไม่มีเครื่องหมายขีด) และหมีพูห์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของดิสนีย์  
หมีที่ชื่อว่า วินนี่ เดอะ พูห์ เป็นผลงานสร้างสรรค์ของเอ.เอ.ไมลน์ ( A.A.Miline) นักเขียนชาวอังกฤษ มีชื่อเต็มว่า อลัน อเล็กซานเดอร์ ไมลน์ 

ตำนานของหมีพูห์เริ่มจากการที่ทหารกองทัพแคนาดาได้นำหมีน้อยตัวหนึ่ง ชื่อว่า วินนี่ เพ็ก แก่ประเทศอังกฤษ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการร่วมรบกันระหว่างกองทัพแคนาดาและอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ( ค.ศ.1914-1918)  

หมีน้อยตัวนี้ได้ไปอยู่ที่สวนสัตว์กรุงลอนดอน ในปี 1919 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวลอนดอนมาก รวมถึงหนูน้อยคริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของนักเขียนชื่อเอ.เอ.ไมล์น 

หนูน้อยคริสโตเฟอร์นำชื่อวินนี่ เพ็ก ไปตั้งชื่อตุ๊กตาหมีตัวโปรดว่า วินนี่ เดอะ พูห์ โดยคำว่า “ พูห์” (Pooh) เป็นชื่อของหงส์ในกวีบทหนึ่ง 

ต่อมาเอ.เอ.ไมลน์ จึงเริ่มเขียนเรื่องราวของวินนี่ เดอะ พูห์ และเพื่อนพ้องของมัน โดยหนังสือวางจำหน่ายเมื่อปีค.ศ.1926 หรือ 74 ปีที่แล้ว 

กระทั่งปี 1996 ที่ผ่านมา ยอดขายหนังสือสูงถึง 20 ล้านเล่ม แปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 25 ภาษา ในขณะเดียวกันวอลต์ ดิสนีย์ ซื้อลิขสิทธิ์หมีพูห์และนำไปสร้างการ์ตูนบนแผ่นฟิล์มในปี 1996 พร้อมกับผลิตภัณฑ์มากมายก่ายกอง ทำให้หมีพูห์เป็นตัวการ์ตูนยอดนิยมอันดับ 2 ของเด็กอเมริกันรองจากมิกกี้ เม้าส์  
หมีพูห์รู้ดีว่าเขาต้องการอะไรเมื่อ “ ท้องเริ่มส่งเสียงร้อง” นั่นคือ น้ำผึ้งไง!    
อืม... แต่จะทำอย่างไรหากเขาพบเพียงโถเปล่าที่มีน้ำผึ้งเหนียว ๆ 
ติดอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น 
“ งั้นเราก็ต้องช่วยจัดการให้โถเกลี้ยงเร็ว ๆ หน่ะสิ” เจ้าหมีสมองเล็ก (แต่บางครั้งก็ฉลาดล้ำลึก) 
ตัวนี้อาจพยายามหลอกเจ้าผึ้งขี้สงสัยว่ าตัวเขาคือเมฆฝนสีดำก้อนใหญ่ หรือถ้าคิดอีกที 
การแวะไปบ้านกระต่ายเพื่อหาขนมหวานทานดูจะเป็นเรื่องง่ายกว่า ( และเจ็บตัวน้อยกว่าด้วย) 
แต่ไม่ว่าพูห์จะเลือกทำอะไรก็มักจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ เช่น ติดอยู่ในรูกระต่าย 
แคบ ๆ และไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวออกมาได้ เป็นต้น แต่ก็นั่นแหล่ะ เขามักจะหาทางออกได้เสมอ 
เพราะแม้สมองของเขาจะเต็มไปด้วยนุ่น แต่เพื่อนรักของคริสโตเฟอร์ โรบิน 
หรือที่ใคร ๆ เรียกว่าเจ้าหมีแก่จอมงี่เง่าตัวนี้มีจิตใจที่งดงาม  
ในชีวิตจริง วินนี่ย์เดอะพูห์ ( หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็ดเวิร์ดแบร์ ในช่วงแรกเมื่อเขาปรากฏตัวใน 
‘When We Were Very Young’ คือ ของเล่นสุดรักสุดหวงของคริสโตเฟอร์ มิลล์ 
( ลูกชายของเอ. เอ. มิลล์) ซึ่งได้รับเจ้าหมีน้อยตัวนี้เป็นของขวัญครบรอบหนึ่งขวบของเขาใน 
ปี 1921  
ปัจจุบัน วินนี่ย์เดอะพูห์ถูกจัดแสดงให้แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องดังกล่าวได้ชมกันที่ Children’s  
Reading Room ใน New York Public Library บนถนน West 53rd Street 
ผู้ให้เสียงสำหรับตัวการ์ตูนตัวนี้ คือ สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังและนักพากย์ที่สตูดิโอดิสนี่ย์  

  ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องวินนี่ย์เดอะพูห์  
ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกของทางสตูดิโอที่นำวรรณกรรมเยาวชนอันแสนน่ารักของเอ. เอ. มิลล์  
ถ่ายทอดสู่แผ่นฟิล์ม วินนี่ย์เดอะพูห์และผองเพื่อน , คริสโตเฟอร์ โรบิน, เจ้าลาอีออร์,  
นกฮูก, แคงก้า และเบบี้รู รวมถึงกระต่ายและโกเฟอร์ ต้องเผชิญกับฝูงผึ้งและรังน้ำผึ้ง 
อันแสนหอมหวาน มีการดัดแปลงเรื่องราวดั้งเดิมของเจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกตัวน 
ี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการเพิ่มตัวละครใหม่ นั่นคือ โกเฟอร์  
นี่คือภาพยนตร์การ์ตูนพิเศษขนาดสั้นกำกับโดย วูลฟแกงค์ ไรเดอร์แมน  
ทีมพากย์เสียงโดย สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ( พูห์) , บรูซ ไรเดอร์แมน (คริสโตเฟอร์ โรบิน),  
ราล์ฟ ไรต์ (อีออร์), โฮวาร์ด มอร์ริส (โกเฟอร์), บาบาร่า ลัดดี้ (แคงก้า), ฮัล สมิธ (นกฮูก),  
จูเนียส แมธธิวส์ (กระต่าย) และคลินต์ โฮวาร์ด (รู)  
ความยาว 26 นาที เซบาสเตียน เคบอตต์ ผู้ดำเนินเรื่อง และเพลงประกอบภาพยนตร์โดย 
ริชาร์ด เอ็ม. และ โรเบิร์ต บี. เชอร์แมน  
สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ได้รับคำชมเชยอย่างมากจากการพากย์เสียงเป็นพูห์และเป็นส่วนหนึ่ง  
ที่ทำให้หนัง 
ประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดภาคต่ออีก 3 ตอน รวมถึงการนำตอนต่อทั้งหมดออกฉายรวมกันด้วย 
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวออกเป็นวีดีโอในปี

mickey mouse




                       mickey mouse



มิกกี้เมาส์ Mickey Mouse


มิกกี้เมาส์ Mickey Mouse


        วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ (Walter Elias Disney) (5 ธันวาคม 2444 - 15 ธันวาคม 2509, ค.ศ. 1901-1966) เป็นผู้สร้างผลงานการ์ตูนที่แพร่หลาย และประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนหนึ่ง เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท วอลต์ ดิสนีย์ และเป็นคนสร้างภาพยนตร์การ์ตูนสีเป็นคนแรก เขาเริ่มทำการ์ตูน มิกกี้เม้าส์ (Mickey Mouse)และ โดนัลด์ดั๊ก (Donald Duck) และเริ่มทำหนังยาว เช่น สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด (Snow White and the Seven Dwarfs), แฟนตาเซีย (Fantasia), พินอคคิโอ (Pinocchio) และ แบมบี้ (Bambi) 

ตลอดเวลา 43 ปีในอาชีพของดิสนี่ย์ เขาเป็นผู้พัฒนาเทคนิคการถ่ายภาพยนตร์ให้ทันสมัยมากขึ้น เป็นผู้ริเริ่มการสร้างสรร ผลงานที่มีจินตนาการสูง ทำให้ได้ผลงานที่คนทั้งโลกประทับใจไม่รู้ลืม โดยดิสนี่ยได้รับรางวัลออสการ์ไปถึง48รางวัล และ รางวัลเอมมี่ อีก7รางวัล 
วอล์ท ดิสนี่ย ( วอลเตอร์ เอเลียส ดิสนี่ย์ )ผู้ให้กำเนิด มิคกี้ เมาส์ และเป็นผู้ก่อตั้งสวนสนุกดังระดับโลกอย่าง ดิสนี่ย์ เวิร์ลด์ เกิดเมื่อ 5 ธันวาคม 1901 ที่ชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ เติบโตในครอบครัวชาวนาในมิสซูรี่ ดิสนี่ย์เริ่มสนใจในการวาดรูปเมื่ออายุ 7 ปี และสนใจในการเรียนวาดรูปและถ่ายรูปเมื่ออยู่ที่แม็คคินเลย์ ไฮสคูล

ในปี1918 ดิสนี่ย์ก็ได้ เข้าร่วมกับหน่วยกาชาติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่1 พอหลังจากสงครามโลกครั้งที่1สงบ ดิสนี่ย์ก็กลับไปยังแคนซัส ซิตี้ ที่ๆเขาเริ่มทำงานด้านการเขียนการ์ตูนประกอบโฆษณาที่นี่ ในปี1920 ดิสนี่ย์ได้ออกแบบ ตัวการ์ตูนที่เป็นแบบฉบับของตัวเองและ เรียนรู้วิธีที่จะทำให้ตัวการ์ตูนนั้นเคลื่อนไหวได้

ในเดือนสิงหาคมปี 1923 ดิสนี่ย์ก็ไปที่ฮอลลิวู้ดเพื่อก่อตั้งสตูดิโอที่นั่น และในปี1928 ดิสนี่ย์ได้สร้าง มิคกี้ เมาส์ และ ปรากฎครั้งแรกในหนังการ์ตูนเงียบที่ชื่อว่าPlane Crazy แต่ว่า ก่อนที่การ์ตูนเรื่องนี้จะออกฉายนั้น ก็เริ่มมีการนำเสียงมาใส่ในภาพยนตร์ ทำให้มิคกี้ เมาส์ก็ได้ปรากฎอยู่ในหนังการ์ตูนที่มีการใส่เสียงเรื่องแรกในโลกที่มีชื่อว่า Steamboat Willie ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 1928

ดิสนี่ย์ก็ได้พัฒนาเทคนิคการทำภาพยนตร์ต่อไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด เทคนิคการใส่สีในภาพยนตร์อนิเมชั่นก็ถูกนำมาใช้ในหนังอย่าง Silly Symphonies ปี 1932 หนังเรื่องFlowers and Treeของ Walt ก็ได้รับรางวัลออสการ์ครั้งที่32 ในปี1937 ดิสนี่ย์ได้สร้างหนังเรื่อง The Old Mill ซึ่งเป็นหนังสั้นที่นำเอาเทคนิคของmultiplane camera มาใช้

ในวันที่ 21 ธันวาคม ปี1937 ดิสนี่ย์ก็ได้ถือกำเนิด สโนว์ไวท์และคนแคระทั้ง7 ซึ่งเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเพลงเรื่องแรกของเขา และทำรายได้สูงในสมัยนั้น และเป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์การ์ตูนชุดยาวของดิสนี่ย์ และก็มีเรื่องอื่นๆตามมาอย่าง พิน็อคคิโอ้ แฟนตาเซีย ดัมโบ้ และ แบมบี้

ในปี1940 เบอร์แบงค์สตูดิโอของดิสนี่ย์ก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่มากกว่า 1000 คน ซึ่งประกอบด้วย ช่างศิลป์ อนิเมเตอร์ คนเขียนบท และ ฝ่ายเทคนิค ดิสนี่ย์ก็ใช้เวลาในสตูดิโอนี้เพื่อการสร้างหนังการ์ตูน ซึ่งรวมแล้ว ทั้งหมดก็มีด้วยกันถึง81เรื่องด้วยกัน และผลงานของดิสนี่ย์ก็เป็นสื่อที่ให้การเรียนรู้ได้มากพอๆกับความบันเทิง จนทำให้ได้รับรางวัลจากเรื่องTrue-Life Adventure ซึ่งมีหนังย่อยๆอย่างThe Living Desert,The Vanishing Prairie,The African Lion,และWhite Wilderness โดยหนังเหล่านี้ได้พูดถึงการใช้ชีวิตของสัตว์ป่าทั่วโลก 

ในปี1955 ดิสนี่ย์ก็ได้ใช้เงินถึง17ล้านดอลล่าร์ ในการสร้างอาณาจักรบันเทิงอันยิ่งใหญ่อย่าง ดิสนี่ย์แลนด์ และปัจจุบันก็มีคนจากทั่วโลกมากกว่า 250ล้านคน เข้ามาเยี่ยมชม ส่วนงานด้านโทรทัศน์ ดิสนี่ย์ก็เริ่มต้นเมื่อปี 1954 และออกอากาศรายการทีวีที่เป็นภาพสีครั้งแรก กับรายการWonderful World of Colorในปี 1961. ส่วนรายการThe Mickey Mouse Clubและ Zorroก็ได้รับความนิยมมากจากผู้คนในยุค50

ในปี1965ดิสนี่ย์ได้มองถึงปัญหาของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนอเมริกัน ทำให้ดิสนี่ย์ได้วางแผนที่จะสร้าง EPCOT(Experimental Prototype Community of Tomorrow) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรร ของอุตสาหกรรมอเมริกันที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้(ถ้าใครนึกออก มันก็คือลูกกอล์ฟขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ในดิสนี่ย์เวิร์ลด์) ดังนั้น ดิสนี่ย์จึงซื้อที่ดิน 43 ตารางไมล์ ที่เป็นศูนย์กลางของรัฐฟลอริด้า เพื่อที่จะสร้างดิสนี่ย์ เวิร์ลด์ ซึ่งเป็นทั้งสวนสนุก โรงแรม รีสอร์ท และรวมถึง EPCOT center โดย ดิสนี่ย์ เวิร์ลด์ เปิดวันที่1 ตุลาคม ปี1971 และ EPCOT center เปิด1 ตุลาคม ปี 1982

วอล์ท ดิสนี่ย์ เสียชีวิต วันที่ 15 ธันวาคม 1966 โดยผลงานที่เขาได้สร้างสรรในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ อนิเมชั่น โทรทัศน์ รวมถึงงานบันเทิงด้านอื่นๆนั้น ก็ยังคงเป็นที่จดจำของผู้คนทั่วโลก หรืออาจกล่าวได้ว่า เขานั้นเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพล ในด้านบันเทิงอีกคนหนึ่งในศตวรรษที่20 เลยทีเดียว

mario


                             mario








มาริโอ (ญี่ปุ่นマリオ Mario ?) เป็นตัวละครเกมและการ์ตูน และเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทเกมนินเทนโด สร้างโดยนักออกแบบเกมชื่อ ชิเงรุ มิยาโมโตะ เขาเป็นตัวการ์ตูนในเกมที่คนส่วนใหญ่รู้จักตลอดกาล มาริโอได้ปรากฏตัวในวิดีโอเกมต่าง ๆ กว่า 200 เกมตั้งแต่เขาได้ถูกสร้างขึ้น แม้ว่าเดิมนั้นจะเริ่มปรากฏตัวเฉพาะในเกมซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ส แต่ตอนนี้จะพบมาริโอได้ในเกมหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น เกมรถแข่ง เกมแก้ปัญหา เกมบทบาทสมมุติ เกมต่อสู้ เกมกีฬา และอื่น ๆ อีกมากมาย
มาริโอถูกออกแบบมาให้ดูอ้วนเตี้ย และมีน้องชื่อว่า ลุยจิ ถูกออกแบบมาให้ดูสมส่วนกับตัวสูง เสื้อและหมวกสีเขียว สัญลักษณ์คือตัว(L)เขาเป็นชาวอาณาจักรเห็ด เป็นช่างซ่อมท่อระบายน้ำ เขาได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ หลังจากที่เขาได้ทำการขัดขวางแผนการชั่วร้ายของราชาคุปปะ (ทางฝั่งอเมริกาเรียกชื่อว่า เบาเซอร์) เพื่อที่จะลักพาตัวเจ้าหญิงพีชและชิงเพื่อครอบครองอาณาจักรเห็ด ทุกคนรู้จักเขาเป็นอย่างดีจากความกล้าหาญ ความกระตือรือร้น และจิตวิญญาณที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู ความสามารถทางร่างกายที่คาดไม่ถึง ความร่วมมือกับน้องชายคนหนึ่งชื่อลุยจิ และการเข้าถึงสัมพันธภาพกับเจ้าหญิงพีชที่เขาได้ช่วยชีวิตไว้ นอกจากนี้ มาริโอยังมีปีศาจดอพเพลแกงเกอร์อีกหนึ่งตัว ชื่อ วาริโอ
ในนามของสัญลักษณ์ของนินเทนโด มาริโอเป็นตัวละครอีกหนึ่งตัวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์วิดีโอเกม[1] และเป็นตัวเดียวกันกับที่ปรากฏในวิดีโอเกม เกมชุดมาริโอทั้งหมดขายได้มากกว่า 285 ล้านหน่วย เป็นการสร้างประวัติศาสตร์วิดีโอเกมชุดที่ขายดีที่สุดตลอดกาล นอกจากเกมแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องแล้ว มาริโอยังปรากฏตัวในเกมแนวอื่น ๆ รวมถึงเกมชุดมาริโอ้คาร์ท (Mario Kart) เกมอาร์เคดแนวกีฬา (เช่นเกมชุด มาริโอ เทนนิส และ มาริโอ กอล์ฟ) และเกมชุดแนวบทบาทสมมุติของนินเทนโด นอกจากเกม รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และหนังสือการ์ตูน นอกจากนั้นแล้วเขาได้สร้างเส้นทางธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าลิขสิทธิ์อื่น ๆ อีกด้วย
ในตอนแรกนั้นมาริโอได้ถูกออกแบบออกมาโดยใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกที่เรียกว่าสไปรต์แบบ 2 มิติ แต่เกมที่ออกมาภายหลัง เขาได้เปลี่ยนเป็นแบบ 3 มิติหลายเลี่ยม เขาเป็นช่างประปาร่างท้วมสูง 155 เซนติเมตร หนัก 55 กิโลกรัม อาศัยอยู่ในดินแดนของอาณาจักรเห็ด เขาเป็นพี่ชายคนโตของลุยจิ และเขาทั้งสองคนเป็นชาวอิตาลี ในรายการโทรทัศน์บอกว่า มาริโอและลุยจิมาจากบรูคลิน แม้ว่าในเกม ซูเปอร์มาริโอเวิลด์ 2: โยชิไอส์แลนด์ (Super Mario World 2: Yoshi's Island) จะบอกว่าเขาเกิดในอาณาจักรเห็ดก็ตาม

[แก้]ร่างกาย

รูปลักษณ์ดั้งเดิมของมาริโอนั้นได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยเป็นเวลาหลายปี เขาถูกออกแบบให้ตัวเตี้ย อ้วน ใส่หมวกที่มีอักษร M ติดอยู่ ผมสีน้ำตาล หนวดสีดำ มีจมูกใหญ่และเป็นกระเปาะกลมกว่าปกติ สวมถุงมือสีขาว และสวมชุดที่ทำจากผ้าฝ้ายทั้งตัว ในการปรากฏตัวส่วนมาก มาริโอสวมหมวกสีแดง และเสื้อสีฟ้า อย่างไรก็ตามในเกมชุดซูเปอร์มาริโอบราเธอร์ส (Super Mario Bros) เขากลับใส่เสื้อสีน้ำตาลและสีแดงทั้งตัว
ชุดเสื้อผ้าของมาริโอมักจะถูกเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของเกม ตัวอย่างเช่น ในเกมฟุตบอล ซูเปอร์มาริโอสไตรเกอร์ (Super Mario Strikers) มาริโอสวมชุดกีฬาฟุตบอล ซึ่งดูขัดกับตัว ในเกมซูเปอร์ มาริโอ ซันไชน์ (Super Mario Sunshine) เกมที่มีธีมเกี่ยวกับภูมิอากาศเขตร้อนให้เลือกหลากหลาย มาริโอสวมเสื้อยีดสีแดง สามารถเลือกให้เขาใส่แว่นตาได้ และยังมีเสื้อสไตล์ฮาวายอีกด้วย ในเกมบางเกม มาริโอสามารถแปลงโฉมตัวเองให้ดูแตกต่างจากเดิม ด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างกันไป